Ads 468x60px

วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2554

ตัดต้นไม้ในที่ดินของเราเอง

ตัดต้นไม้ในที่ดินของเราเอง
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=kunkaykai&month=02-2010&date=07&group=1&gblog=42
ยื่นเรื่องขออนุญาตตัดไว้มาครึงปี จนบัดนี้เรื่องยังเงียบ ใครก็ได้ช่วยที 

สวัสดีค่ะ ตามหัวข้อเลย 
เรากับพ่อแม่กำลังสร้างบ้านที่ต่างจังหวัด แต่ก่อนที่จะสร้างมีการวางแผนกันไว้ ว่าบ้านที่จะสร้างเป็นบ้านไม้ สร้างจากไม้สัก เพราะตากับยายมีสวนที่ปลูกไม้สักไว้เยอะ เยอะที่ว่าคือประมาณ 50 กว่าต้นได้ ปลูกมาประมาณสิบกว่าปี ยื่นเรื่องไปเมื่อ ต้นเดือนมิถุนา ขอย้ำว่ามิถุนายน จากนั้นประมาณเดือนนึงมีเจ้าหน้าที่มาตรวจพื้นที่ ผ่านไปประมาณ อีก 2 เดือนต่อมาเรื่องเงียบ เราก็เริ่มร้อนใจแล้ว เพราะว่าการขออนุญาตปลูกสร้างต่างๆกำลังคืบหน้า แต่เรื่องขอตัดไม้ยังเงียบอยู่ โทรไปหาเจ้าหน้าที่ บอกว่าผมส่งเรื่องขึ้นไปแล้ว แต่เรื่องมันไม่รู้หายไปไหน อ้าว เราก็แบบ อะไร แล้วจะให้ทำไง สุดท้ายเจ้าหน้าที่มาตรวจที่บ้านอีกรอบ ตั้งแต่กันยาได้ เมื่อเดือนก่อนโทรไปถามความคืบหน้าบอกอีกอาทิตย์นึงคงเสร็จ เราก็อืม ตามก็หาว่าจู้จี้ จนตอนนี้บ้านเราเริ่มสร้างทำเสาแล้ว แต่ไม้ยังไม่ได้ตัดเลยอ่ะ ทำไงดี ทำไมเจ้าหน้าทีทำแบบนี้ล่ะ 
เราก็ไม่ได้อยากจะตามให้เสียอารมณ์นะ แต่บางทีก็เหลืออด พอบ่นเค้าก็ว่า ราชการก็ช้าแบบนี้แหละ 
เราขอบอกเลยนะว่า เราเป็นประชาชนมีสิทธิที่จะได้รับบริการขั้นพื้นฐานจากเจ้าหน้าที่ของรัฐตามสมควร ไม่ใช่ตามยฐากรรม ไม้ที่จะตัดเป็นไม้ของเราที่เราปลูกเอง อยู่ในที่ของเรา มีโฉนดถูกต้อง ไม่ได้จะไปลักลอบตัดไม้ที่ไหน นี่เรามีเจตนาดีต้องการทำให้ถูกต้องแล้วดูเค้าทำกับเราสิ 
จำไว้เลยนะ นายธนกิจ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่จ.อุตรดิตถ์ ทำงานเช้าชามเย็นชามแบบนี้ แล้วจะมาอ้างระบบราชการว่ามีปัญหาได้ยังไง ที่มีปัญหาน่ะไม่ใช่ราชการหรอกนะ แต่เป็นคนที่อยู่ในราชการต่างหากที่ไม่ได้เรื่อง 

จากคุณ : ไออุ่นร้อน 
เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 52 13:46:48 


ความคิดเห็นที่ 1 

ขอแนะนำให้สอบถามเป็นหนังสือไปอีกครั้งครับ 

โดยให้มีสำเนาหนังสือนั้นถึงผู้ว่าราชการจังหวัด โดย จขกท.ระบุในหนังสือนั้นไปเลยครับ ว่าได้สำเนาหนังสือนี้ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดด้วย 

และเก็บสำเนาหนังสือสอบถามนั้นๆไว้กับเราอีกชุดนึงเป็นหลักฐาน 

ถ้าจำเป็นถึงที่สุด อาจจะได้ฟ้องเขาไงครับ 

จากคุณ : อุบลแมน 
เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 52 15:04:04 


ความคิดเห็นที่ 3 

การขออนุญาตตัดไม้สักและไม้ยางในที่ดินกรรมสิทธิ์ของตนเอง ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดฉบับที่ 17 (พ.ศ.2530) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ว่าด้วยการอนุญาตไม้สักและไม้ยางในที่ดินกรรมสิทธิ์ โดยผู้เป็นเจ้าของที่ดินเป็นผู้ยื่นคำขอทำไม้เพื่อการใช้สอยส่วนตัวต่อนายอำเภอท้องที่ที่ที่ดินตั้งอยู่ เมื่อเจ้าหน้าที่รับคำขอแล้วต้องตรวจสอบเรื่องราวส่งเรื่องให้จังหวัดภายใน 7 วัน นับแต่วันรับคำขอ เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับคำขอแล้ว ให้ป่าไม้เขตฯ (ปัจจุบันเรียกว่า ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์) สั่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงและประทับตราร่วมกับเจ้าหน้าที่จังหวัด (สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด) รายงานผู้บังคับบัญชาโดยมิชักช้า เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาออกใบอนุญาต ทั้งนี้ต้องไม่ช้ากว่า 65 วันทำการ ตามระเบียบกรมป่าไม้ว่าด้วยการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชน พ.ศ.2541 ข้อ 10.1 และข้อ 10.2 ฉะนั้น หากมีการออกใบอนุญาตล่าช้า ให้สอบถามผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ และสามารถตรวจสอบรายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติได้จาก http://www.forest.go.th 

^ 
^ 

ถ้า จขกท. จะมีหนังสือสอบถามหรือร้องเรียนไป ให้อ้างข้อกฏหมายข้างต้น 

เพราะระยะเวลาที่จะดำเนินการอนุญาตหรือไม่ น่าจะเลยระยะเวลาไปแล้วครับ 

ขอแสดงความเห็นเพิ่มเติมเท่านี้ครับ 

ซื้อไม้สักจากที่ดินที่มีการขออนุญาตปลูกและนำมาแปรรูป จะผิดกฏหมายหรือไม่อย่างไร

http://www.thaijudge.com/index.php?PHPSESSID=b3b1272962ba110c812e83492b838a8e&topic=615.msg4576#msg4576
ซื้อไม้สักจากที่ดินที่มีการขออนุญาตปลูก และเวลาตัดและขนย้ายก็ได้ทำเรื่องขออนุญาตเรียบร้อย และนำไม้มาแปรรูปและเก็บไว้ในบ้านไม้อีกส่วนหนึ่งยังไม้ได้แปรรูปก็เก็บกองรวมไว้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบบอกว่ามีคนแจ้งเข้าไปให้มาตรวจสอบและบอกว่าให้ขนไม้ออกไปจากบ้านไม่งั้นจะมีความผิดอยากถามว่ากรณีที่กล่าวมาข้างต้นจะผิดกฎหมายหรือไม่และควรทำอย่างไร

...พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔
...ม.๔๘ ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ห้ามมิให้ผู้ใดแปรรูปไม้ มีไม้สักแปรรูปไม่ว่าจำนวนเท่าใดไว้ในครอบครอง เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎกระทรวงและในการอนุญาต
...ม.๕๐ บทบัญญัติแห่งมาตรา ๔๘ มิให้ใช้บังคับในกรณีดังต่อไปนี้
(๑) การกระทำเพียงเลื่อย ตัด ลิด ขุด หรือถากซ้อมไม้ เพื่อทำเป็นซุงท่อน ไม้ เหลี่ยมโกลน มาดเรือโกลน เสาถาก หรือหมอนรถ หรือเพื่อทำไม้ฟืน หรือทำไม้เผาถ่าน หรือเลื่อยผ่าเพียงเพื่อความจำเป็นในการชักลาก ในเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ระบุไว้ในใบอนุญาตทำไม้ให้กระทำการนั้นๆ ได้ และผู้รับอนุญาตได้กระทำการนั้นๆ ก่อนนำไม้เคลื่อนที่จากบริเวณตอไม้
(๒) การแปรรูปไม้ที่แปรรูปมาแล้วจากไม้ซุงหรือไม้ท่อน ที่มิใช่เพื่อการค้า
(๓) การมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองที่มิใช่เพื่อการค้า โดยมีหลักฐานแสดงว่าได้ไม้นั้นมาโดยชอบด้วยพระราชบัญญัตินี้
(๔) การแปรรูปไม้หรือมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองที่มิใช่ไม้หวงห้าม
(๕) การแปรรูปไม้โดยใช้แรงคนที่มิใช่เพื่อการค้า จากไม้หวงห้ามที่ยังมิได้แปรรูป โดยมีหลักฐานแสดงว่าได้ไม้นั้นมาโดยชอบด้วยพระราชบัญญัตินี้

...ถ้าการตัด และการขนย้าย ได้รับอนุญาตตามกฎหมายแล้ว การแปรรูปไม้สัก และการมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครอง น่าจะได้รับการยกเว้น ตาม ม.๕๐ (๓)(๕) เว้นแต่ การแปรรูปไม้สักโดยการใช้เครื่องจักร ไม่ได้ใช้แรงคน หรือใช้แรงงานคนแต่เป็นการแปรรูปไม้สักเพื่อการค้า ซึ่งจะต้องขออนุญาตแปรรูปไม้ ตาม ม.๔๘ ถ้าไม่ขออนุญาตแปรรูปไม้ก็ผิด ม.๔๘ แม้ตัด และการขนย้าย ไม้สักดังกล่าว จะได้รับอนุญาตก็ตาม
...เพื่อความชัดเจน น่าจะไปปรึกษากับทาง จนท.ป่าไม้ เป็นการดีที่สุด 





ขอเสริมในส่วนที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อคุณ chaya  นะครับ

         ไม้สัก  ซึ่งขึ้นอยู่ในราชอาณาจักร ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ มาตรา ๗ กำหนดว่าเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ไม่ว่าจะอยู่ในเขตป่าไม้ หรือในที่ดินของเอกชน    การทำไม้ ซึ่งเป็นการกระทำที่ต้องห้าม และมีโทษทางอาญาตาม พ.ร.บ. ป่าไม้  มีลักษณะดังนี้  ตัด ฟัน กาน โค่น ลิด เลื่อย ผ่า ถาก ทอน ขุด ชักลากไม้ในป่า หรือนำไม้ออกจากป่า ด้วยประการใดๆ และรวมถึงการกระทำดังกล่าวกับไม้สัก ที่ขึ้นอยู่ในที่ดิน ที่ไม่ใช่ป่า หรือการนำไม้สักออกจากที่ดินที่ไม้นั้นขึ้นอยู่ด้วย

        นอกจากการทำไม้แล้ว กฎหมายยังห้ามการเจาะ หรือสับ หรือเผา หรือการทำอันตรายแก่ไม้หวงห้ามอีกด้วย ทั้งนี้ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ต้องมีโทษทางอาญา

       การนำไม้เคลื่อนที่จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง  กฎหมายควบคุมการนำ  เคลื่อนที่ จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ทั้งนี้โดยการที่ราษฎรต้องขออนุญาตนำไม้เคลื่อนที่ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อน  ( ป่าไม้จังหวัดนั้นๆ ) การนำไม้เคลื่อนที่ที่ต้องขออนุญาต มีดังนี้

   1.  นำไม้ที่ได้รับอนุญาตให้ทำหรือเก็บออกจากสถานที่ที่ระบุไว้ในใบอนุญาต ไปถึงสถานที่ที่ระบุไว้ในใบอนุญาตแล้ว

   2.  นำไม้ที่ซื้อมาจากทางราชการไปจากที่ไม้นั้นอยู่ (พ.ร.บ.ป่าไม้ มาตรา ๓๘)

         ผู้นำไม้เคลื่อนที่ จะต้องมีใบเบิกทางของพนักงานเจ้าหน้าที่กำกับไปด้วย (พ.ร.บ.ป่าไม้ มาตรา ๓๙) การขอใบเบิกทางนำไม้เคลื่อนที่  ให้ขอที่ป่าไม้จังหวัด พร้อมด้วยบันทึกแสดงชนิด จำนวน ขนาด ปริมาตร และใบเสร็จที่แสดงว่าไม้นี้ ได้เสียค่าธรรมเนียมเรียบร้อยแล้ว
      ในการนำไม้เคลื่อนที่นั้นกฎหมายได้กำหนดห้ามมิให้เคลื่อนที่ ผ่านด่านป่าไม้ในระหว่างเวลากลางคืน (ตั้งแต่พระอาทิตย์ตก จนถึงพระอาทิตย์ขึ้น) เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเป็นหนังสือ (พ.ร.บ.ป่าไม้ มาตรา ๔๑)

           ดังนั้น หากไม้สักได้รับอนุญาตให้ทำหรือเก็บ  หรือแปรรูป โดยมีบันทึกระบุชนิด จำนวน ขนาด และปริมาตร และได้เสียค่าธรรมเนียมถูกต้องครบถ้วนแล้ว ก็ต้องแสดงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบด้วยครับ  แต่ทั้งนี้จะต้องมิได้มีไว้เพื่อจำหน่ายด้วยนะครับ



...เลื่อยโซ่ยนต์นั้นถือว่าเป็นเครื่องจักร ดังนั้นการแปรรูปไม้สักโดยใช้เลื่อยโซ่ยนต์ จึงต้องขออนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ ม.๔๘  แม้ไม้สักที่จะนำมาแปรรูปนั้นได้รับอนุญาตตัด และเคลื่อนย้าย จากพนักงานเจ้าหน้าที่อย่างถูกต้องตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ และไม่ได้ทำเพื่อการค้าก็ตาม
...สรุป ท่าน...chaya... ต้องขออนุญาตแปรรูปไม้ จากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ ม.๔๘ เพราะหากแปรรูปไม้สักโดยใช้เลื่อยโซ่ยนต์ โดยไม่ขออนุญาต จะมีความผิด มีโทษ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ ม.๗๓ ผู้กระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงสองแสนบาท โดยจะอ้างว่า ไม้สักนั้นได้รับอนุญาตให้ตัด และขนย้ายอย่างถูกต้อง แต่ไม่รู้ว่าการแปรรูปไม้สักที่ได้รับอนุญาตนั้นต้องขอนุญาตด้วยแต่อย่างใดไม่ได้ เพราะ ...Ignorantia juris non excusat (ความไม่รู้กฎหมาย จะอ้างเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้)

กรมป่าไม้ แจงขั้นตอนการตัดไม้สัก-ไม้ยางต้องขออนุญาต

ข่าวทั่วไป หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- อังคารที่ 23 มีนาคม 2553 06:34:15 น.
นายสมชัย เพียรสถาพร อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวถึงข้อกำหนดการตัดฟันไม้สัก และไม้ยาง ที่ขึ้นเองหรือปลูกในที่ดินกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองไปใช้ประโยชน์ ว่าเนื่องจากไม้สักและไม้ยาง เป็นไม้หวงห้ามตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ที่กำหนดไว้ว่าการตัดฟันออกต้องขออนุญาต โดยในต่างจังหวัดให้ไปยื่นคำขออนุญาตทำไม้ ที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมท้องที่จังหวัดนั้น สำหรับในกรุงเทพมหานครให้ยื่นคำขอที่กลุ่มงานอนุญาตไม้และของป่า กองการอนุญาต กรมป่าไม้สำหรับหลักฐานประกอบคำขอประกอบด้วย สำเนาบัตรประชาชนผู้ขออนุญาต สำเนาทะเบียนบ้านผู้ขออนุญาต หลักฐานกรรมสิทธิ์ที่ดิน เช่น โฉนดที่ดิน น.ส.3 น.ส.3 ก ซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินรับรองสำเนาถูกต้องตรงกับคู่ฉบับของเจ้าพนักงานที่ดินท้องที่ โดยมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ฉบับละ 5 บาท ค่าธรรมเนียมใบคู่มือคนงาน ฉบับละ 1 บาท ส่วนค่าภาคหลวงไม้สักและไม้ยางในที่ดินที่มีโฉนดที่ดินได้รับการยกเว้นค่าภาคหลวงนอกจากนี้การนำไม้หวงห้ามออกจากที่ดินกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองเรียบร้อยแล้ว ไปใช้ประโยชน์ยังพื้นที่อื่น จะต้องยื่นคำขอออกใบเบิกทางนำไม้เคลื่อนที่ ที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ที่ไม้นั้นขึ้นอยู่ และในกรุงเทพฯให้ไปยื่นคำขอออกใบเบิกทางนำไม้เคลื่อนที่ ณ ด่านป่าไม้กรุงเทพฯ ส่วนด่านป่าไม้ สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า
ส่วนไม้อื่นๆทุกชนิด ที่ปลูกในที่ดินกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง ราษฎรสามารถปลูกและนำไปใช้ประโยชน์ได้โดยเสรีไม่ต้องขออนุญาตผู้ได และเพื่อความสะดวกของราษฎรในการนำไม้ไปใช้ประโยชน์สามารถไปขอให้ทางราชการอำนวยความสะดวก โดยออกหนังสือรับรองให้ตามระเบียบตามแนวทางของกระทรวงมหาดไทยโดยยื่นคำขอหนังสือรับรองดังกล่าวที่อำเภอท้องที่ที่ไม้นั้นขึ้นอยู่สำหรับรายละเอียดการขอหนังสือรับรอง สามารถสอบถามได้ที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดทุกจังหวัดหรือกลุ่มงานอนุญาตไม้และของป่า กองอนุญาต